Korea Japan 2002 ครั้งแรกที่ประเทศจากทวีปเอเชีย รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน โดยการร่วมมือระหว่าง ญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้ อันเป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพ 2 ชาติร่วม ในประวัติศาสตร์ทัวร์นาเมนต์นี้
Korea Japan 2002 จากตอนเดิมในบทความ เวิล์ดคัพ ฉบับเอเชีย ที่ได้กล่าวสถานะการณ์ ของแต่ละกลุ่มในรอบแรก กันแล้ว เราจะมาสรุปโดยรวมกันอีกที ถึงรอบ Knock Out 16 ทีมสุดท้าย จนไปถึงรอบชิงชนะเลิศ และชิงอันดับ 3 นั้นหากจบ 90 นาที ผลสกอร์ทั้ง 2 ทีมยังเสมอกัน จะยังใช้กฏ Golden Goal ทีมใดที่สามารถทำประตูได้ก่อนในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2 ครึ่ง ครึ่งละ 15 นาที ทีมนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ
ทีมที่ผ่านเข้ารอบ และผลประกบคู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย มีดังนี้
- เดนมาร์ก พบ อังกฤษ ที่ นิงาตะ (ญี่ปุ่น)
- บราซิล พบ เบลเยี่ยม ที่ โกเบ (ญี่ปุ่น)
- สวีเดน พบ เซเนกัล ที่ โออิตะ (ญี่ปุ่น)
- ญี่ปุ่น พบ ตุรกี ที่ ริฟุ (ญี่ปุ่น)
- สเปน พบ ไอร์แลนด์ ที่ ซูวอน (เกาหลีใต้)
- เกาหลีใต้ พบ อิตาลี่ ที่ แทจอน (เกาหลีใต้)
- เยอรมัน พบ ปารากวัย ที่ เซจู (เกาหลีใต้)
- เม็กซิโก พบ สหรัฐอเมริกา ที่ ซอนจู (เกาหลีใต้)
คู่แรก ทัพ “โคนม” ทีมชาติเดนมาร์ก ที่ 1 ของกลุ่มเอ เข้ารอบมาพบกับทัพ “สิงห์โตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ
นัดนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรสำหรับแข่งเมืองผู้ดี ถล่มไปได้อย่างไม่ยากเย็น ทั้ง 3 ลูกเกิดขึ้นในครึ่งเวลาแรก โดย…
ได้ประตูขึ้นนำเร็วจาก ริโอ เฟอร์ดินานด์ นาทีที่ 5
ไมเคิล โอเว่น นาทีที่ 22
และปิดท้ายด้วย เอมิล เฮสกีย์ นาทีที่ 44
จบเกมส์ เดนมาร์ก แพ้ อังกฤษ ไป 0-3
คู่ต่อมาทัพนักเตะ “แซมบ้า” ทีมชาติบราซิล ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรง ต้องโคจรมาพบกับทัพ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ทีมชาติเบลเยี่ยม
เป็นทางด้านขุนพลแซมบ้าที่โชว์ผลงานได้ดี มาได้ 2 ประตูในครึ่งหลังจาก
ลิวัลโด้ นาทีที่ 67
และลูกตอกฝากโรงส่งทัพปีศาจแดงแห่งยุโรปกลับบ้าน จาก โรนัลโด้ นาทีที่ 87
บราซิล เอาชนะ เบลเยี่ยม ไปได้ 2-0
“ทัพไวกิ้ง” ทีมชาติสวีเดน พบกับ “สิงห์โตแห่งเตลังก้า” ทีมชาติเซเนกัล ม้ามืดที่น่าจับตามองของรายการนี้
เป็น เฮนริค ลาร์สสัน ทำประตูให้ทัพไวกิ้ง ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว ในนาทีที่ 11
แต่มาโดนทีเด็ดของทีมแห่งอัฟริกาตีเสมอได้จากลูกยิงของ อ็องรี กามาร่า ในนาทีที่ 37
จบ 90 นาทีคู่นี่เสมอกันในเวลาไป 1-1 ต้องมาเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษ
เป็นทางด้าน อ็องรี กามาร่า คนเดิมทำประตูในช่วงนาทีที่ 104 เป็น Golden Goal พา เซเนกัล เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปได้
หนึ่งในเจ้าภาพร่วม “ทัพซามูไร” ทีมชาติญี่ปุ่น พบกับทัพ “ไก่งวง” ทีมชาติตุรกี
ตูรกีได้ประตูขึ้นนำไว จาก อูมิต ดาวาล่า ในนาทีที่ 12 และเป็นประตูชัย
พา ตุรกี ชนะ ญี่ปุ่น 1-0 เขี่ยหนึ่งในเจ้าภาพร่วม ร่วงตกรอบไปในรอบนี้
ทัพ “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน พบ “ทัพยักเขียว” ทีมชาติไอร์แลนด์
เฟร์นันโด มอริเอนเตส ทำประตูขึ้นนำไวในนาทีที่ 8 สเปนขึ้นนำไว
สเปนทำท่าจะชนะและผ่านเข้ารอบไปง่าย ๆ แล้ว แต่เป็นไอร์แลนด์ มาได้ประตูตีเสมอ
จาก ร็อบบี้ คีน สังหารจุดโทษเข้าไป ในนาทีสุดท้ายของเกม ล่วงเลยไปถึงช่วงต่อเวลายังทำไรกันไม่ได้
ต้องไปดวลจุดโทษหาผู้ชนะ และเป็น สเปน ที่แม่นยำกว่า คว้าชัยในการยิงจุดโทษเขี่ยทัพ “ยักษ์เขียว” ตกรอบไป
หนึ่งในเจ้าภาพร่วมทัพ “โสมขาว” เกาหลีใต้ พบกับขุนพล “อัซซูรี่” อิตาลี่ ทีมเต็งแชมป์ในรายการนี้
ก่อนแข่งนั้นสื่อทุกสำนักต้องยกให้ทัพนักเตะจากแดนมักกะโรนี ที่มีชื่อชั้นนั้นที่เหนือกว่าค่อนข้างเยอะ จะสามารถผ่านด่านเจ้าภาพอย่า เกาหลีใต้ ไปอย่างไม่ยากเย็นนัก
เริ่มเกมมาเพียง 18 นาที เป็น คริสเตียน วิเอรี่ ทำประตูให้ทัพอัซซูรี่ขึ้นนำไปก่อน 1-0
เกมดำเนินมาถึงช่วงท้ายเกม ดูเหมือนว่า อิตาลี่ นั้นจะปิดฉากไปด้วยสกอร์นี้ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เป็น โซ คี เฮือน กดประตูตีเสมอให้เกาหลีใต้ ในนาทีที่ 88
และจบ 90 นาทีไปด้วยการเสมอกัน 1-1 ทำแฟนบอลอึ้งไปครึ่งโลก
ในช่วงต่อเวลาพิเศษนั้น มีหลายจังหวะที่การตัดสินของ ไบรอน โมเรโน่ ดูค้านสายตาแฟนบอลทั่วโลก
และจังหวะที่ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ หลุดเข้าไปโดนทำฟาล์วในกรอบเขตโทษ แต่ทาง โมเรโน่ นั้นไม่ให้จุดโทษแก่ อิตาลี่ แต่กลับควักใบเหลืองให้ เพลย์เมคเกอร์ของทัพหมาป่า โรม่า ในข้อหาพุ่งล้ม ซึ่งเป็นใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดง อิตาลี่ เหลือผู้เล่น 10 คนกับเวลาที่เหลือ
และแล้วก็เกิดสิ่งที่น่าตกตะลึงทำแฟนเกาหลีใต้ได้เฮกันทั้งสนาม จากประตู Golden Goal จาก อาห์น จุง วาน กดเข้าไป ทำอิตาลี่ ตกรอบไป แต่เกาหลีใต้สร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ในการตัดสินที่กังขา และเป็นที่ข้องใจกันอยู่ถึงทุกวันนี้
“ทัพอินทรีย์เหล็ก” ทีมชาติเยอรมัน โคจรมาพบกับ ทีมชาติปารากวัย
เยอรมันต้องรอจนถึงนาทีที่ 88 ถึงจะมาได้ประตูขึ้นนำ จาก โอลิเวอร์ นอยวิลล์ และเป็นประตูชัยในนัดนี้
เยอรมัน ชนะ ปารากวัย 1-0 เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ต่อไป
คู่สุดท้าย เป็นการพบกันของ 2 ทีม แห่งโซนคอนคาเคฟที่ต้องมาพบกันในรอบนี้ “ทัพจังโก้” ทีมชาติเม็กซิโก พบ “พญาอินทรีย์” ทีมชาติสหรัฐอเมริกา
สหรัฐ ได้ประตูขึ้นนำเร็ว จาก ไบรอัน แม็คไบรด์ นาทีที่ 8
และมาปิดท้ายจาก แลนดอน โดโนแวน นาทีที่ 65
สหรัฐอเมริกา ชนะ เม็กซิโก ไป 2-0